Cloud Computing เพิ่ม Productivity ในธุรกิจได้อย่างไร

May 6, 2021

SHARE

Cloud Computing เป็นหนึ่งในระบบที่ถูกหยิบยกนำมาใช้งานกันโดยแพร่หลาย ตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ไปจนถึงสตาร์ทอัพ เนื่องจากคุณสมบัติและความสามารถที่ตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถเพิ่ม Producticity ให้กับองค์กรได้อีกด้วย

 

Cloud Computing คืออะไร

Cloud Computing คือ ระบบการจัดการและเชื่อมต่อข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ช่วยลดความยุ่งยากในการกระจายและดาวน์โหลดข้อมูล ซึ่งระบบ Cloud Computing มีหลายประเภทดังนี้

  • IaaS (Infrastructure as a Service) คือ การบริการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานในองค์กรเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันในการทำงาน เช่น Google Drive, Dropbox และ Microsoft Azure
  • PaaS (Platform as a Service) เป็นบริการจัดเก็บข้อมูลสำหรับสายงาน Developer โดยเฉพาะ ซึ่ง Cloud ประเภทนี้จะเน้นไปที่การจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นในการพัฒนาเว็บไซต์, ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน
  • SaaS (Software as a Service) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานโดยใช้ระบบ Cloud ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมลงเครื่องเหมือนซอฟต์แวร์ประเภทอื่น แต่จะเชื่อมต่อข้อมูลและทำงานผ่านระบบ Cloud ยกตัวอย่างเช่น Hubport, Slack และ Saleforce
  • FaaS (Functions as a Service) เป็นระบบที่ช่วยแบ่งเบาภาระของ Developer ในการทดสอบการทำงานของ Code ที่ต้องใช้เวลานานในการทดสอบ ซึ่งการใช้ FaaS ทาง Developer สามารถอัปโหลด Code เพื่อให้ Faas ทำการทดสอบการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยตัวอย่างบริการของ Faas เช่น AWS Lambda และ Google Cloud Function

ประโยชน์ของการใช้งาน Cloud Computing

  • ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เช่น ต้นทุนจากการจัดเก็บข้อมูล (Storage) ซึ่งในอดีตต้องลงทุนซื้อ Hardware อย่าง Hard Disk Drive เพื่อจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากในการทำธุรกิจ แต่ปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้สามารถจัดเก็บได้ในระบบ Cloud ซึ่งนอกจากต้นทุนที่ตำ่กว่าแล้ว ยังสามารถขยายความจุได้มากกว่าเดิมด้วย
  • รองรับการขยายธุรกิจ เนื่องจากระบบ Cloud สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้ เอื้อต่อการขยายฐานข้อมูล
  • ความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน การเชื่อมต่อข้อมูลผ่านซอฟต์แวร์อย่าง Slack หรือ Dashboard ของ ClickUp ทำให้ทุกคนทั้งภายในและภายนอกองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก ไม่ซับซ้อน การทำงานจึงรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ลดระยะเวลาการค้นหาและส่งต่อไฟล์งาน
  • ความปลอดภัยของข้อมูล โดยผู้ให้บริการ Cloud Computing ส่วนใหญ่มักมีระบบ Cloud Security ผ่านการทำงานของ AI และระบบ Database Signature ที่ตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลอยู่เสมอ อีกทั้งการเข้าถึงข้อมูลในระบบ Cloud เจ้าของข้อมูลและระบบจะได้รับการแจ้งเตือนอยู่เสมอ จึงเป็นไปได้ยากที่จะถูกโจรกรรมข้อมูลทางธุรกิจ

Cloud Computing เพิ่ม Productivity ในธุรกิจได้อย่างไร

 

1. ลดการสื่อสารที่ซับซ้อนภายในทีม

จากสถิติพบว่าการสื่อสารที่ซับซ้อนภายในทีม จะลดประสิทธิภาพการทำงานถึง 86% ทำให้เสียเวลางานโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการใช้ระบบ Cloud ในการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ จึงช่วยลดการสื่อสารในประเด็นที่ไม่จำเป็นได้

ยกตัวอย่างเช่น การขอไฟล์ข้อมูล ถ้าหากถูกจัดเก็บใน Cloud ซึ่งสมาชิกในทีมสามารถเข้าถึงไฟล์นั้นๆได้ ก็จะสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องผ่านกระบวนการสื่อสารที่ซับซ้อนโดยเปล่าประโยชน์ เป็นต้น

โดย นิตยสาร Forbes ได้สำรวจธุรกิจเกี่ยวกับการใช้ Cloud Computing ในการทำงาน พบว่าธุรกิจกว่า 64% ที่ใช้ระบบ Cloud นั้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน โดยทีมสามารถจัดการภาระงาน (Task) ได้อย่างดีและรวดเร็วมากขึ้น

 

2. ปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิด Lean Management

Lean Thinking หรือ Lean Management เป็นอีกหนึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เน้นการสร้าง ประสิทธิภาพและผลประโยชน์ให้กับองค์กร ด้วยคุณภาพที่สูงสุด (Quality) ต้นทุนที่ตำ่ที่สุด (Cost) และระยะเวลาการผลิตที่สั้นที่สุด (Delivery)

โดย Cloud Computing เข้ามีบทบาททั้งการเพิ่มคุณภาพการทำงานผ่านการลดการสื่อสารที่ซับซ้อน ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการทำธุรกิจ อย่างการจ้าง Outsoucre และทำงานผ่านระบบ Cloud แทนการจ้างพนักงานประจำเพิ่ม รวมถึงลดระยะเวลาการผลิต ยกตัวอย่างเช่น การนำระบบ FaaS มาช่วยฝ่าย Deverloper ในการทำงานลดระยะเวลาในการทดสอบ Code เป็นต้น

 

3. สนับสนุนเทรนด์ Bring Your Own Device

 

Bring Your Own Device (BYOD) กำลังเป็นกระแสที่มาแรงในการทำธุรกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทกว่า 87%ให้ทีมเลือกใช้เครื่องมือในการทำงานด้วยตัวเอง เพื่อแก้ไขปัญหาการทำงานในระบบที่ตัวเองไม่ถนัด เช่น บางคนถนัดใช้ Mac OS หรือบางคนถนัดใช้ Microsoft Windows ซึ่งหากทีมสามารถใช้ระบบที่ตัวเองถนัด จะช่วยทำให้การทำงานรวดเร็วมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้ระบบใหม่

โดยระบบ Cloud Computing เข้ามาเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างอุปกรณ์ในทุกระบบ ส่งผลให้ไม่ว่าสมาชิกในทีมจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน แต่ก็ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน

 

4. Remote Working เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

 

Remote Working หรือการทำงานที่ไหนก็ได้ เป็นรูปแบบการทำงานที่หลายบริษัทเริ่มนำมาปรับใช้ ซึ่งจากการสำรวจของ Airtasker พบว่าการทำงานแบบ Remote Working จะช่วยลดความเครียดให้กับทีม

โดยการทำ Remote Working มีแนวโน้มที่จะเป็นเทรนด์สำคัญแห่งอนาคต ซึ่ง Cloud จะเข้ามามีบทบาทในการเป็นสะพานเชื่อมข้อมูลระหว่างทีม ทำให้ทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลในการทำงานได้ โดยไม่ต้องเข้าบริษัท ช่วยทำให้การทำงานแบบ Remote Working เป็นไปได้จริงและมีประสิทธิภาพ

 

 

5. ลดต้นทุนในการจัดการทีม

Productivity ในการทำธุรกิจ นอกเหนือจากด้านการทำงานของทีมแล้ว การจัดการต้นทุนให้คุ้มค่า ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนถึงคุณภาพของธุรกิจ โดยการใช้ Cloud Computing ช่วยลดต้นทุนในการจัดการ ทั้งในด้านข้อมูล การจัดระเบียบองค์กร จนไปถึงทำการงานแบบอัตโนมัติขั้นสูง (Advance Automation) เช่น การจัดการเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบความปลอดภัย เป็นต้น

 

Summary

Cloud Computing เป็นอีกหนึ่งระบบที่มีแนวโน้มสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ เพราะนอกจากความสะดวกในการใช้งานแล้ว ระบบดังกล่าวยังเอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจอีกด้วย ทั้งการทำ Lean Managemet และการ Scale Up ผ่านคอนเซปต์อย่าง Remote Working สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา:

SHARE