เพิ่มโอกาส Startup ประสบความสำเร็จด้วย Mindfulness ทักษะที่ผู้นำควรมี

September 22, 2021

SHARE

ผู้ก่อตั้ง Startup ในช่วงเริ่มต้นมักต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องทรัพยากรที่มีจำกัด ความยากลำบากในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการพิสูจน์จนเป็นที่ยอมรับของตลาด ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระดมทุนรอบถัดไป รวมทั้งคำถามที่วนเวียนในหัวว่าจะสามารถผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จก่อนที่เงินจะหมดได้หรือไม่?

ด้วยเหตุนี้ Mindfulness หรือ “สติ” จึงเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจ Startup เพราะผู้นำที่มีสติจะสามารถยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง จัดการกับความวิตกกังวลและความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มองเห็นโอกาสและทิศทางในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้

บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบว่าทำไม Mindfulness จึงเป็นทักษะสำคัญของผู้นำ? พร้อมแนะแนวทางสู่การเป็นผู้นำที่มีสติก่อนสตาร์ทอัพ!

ทำไม Mindfulness จึงเป็นทักษะสำคัญของผู้นำสตาร์ทอัพ?

Dr. Elise Bialylew ผู้ประกอบการทางสังคมซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแคมเปญ Mindful การฝึกสติออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอันดับ 1 เรื่อง The Happiness Plan ได้กล่าวถึงความสำคัญของ Mindfulness ที่จะส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพไว้ 3 ข้อ ได้แก่

 

1. จุดประกายความคิดสร้างสรรค์

การทำสมาธิช่วยให้จิตใจได้ผ่อนคลายจากความวุ่นวายและการใช้เทคโนโลยีที่มากเกินไป พร้อมเปิดรับความคิดใหม่ๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการพยายามกดดันตัวเอง แต่เป็นผลจากคลื่นของความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ที่ส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งการค้นพบวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

2. ป้องกันความเครียด

ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพมักทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อก่อร่างสร้างธุรกิจในช่วงแรกอย่างสุดกำลัง ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดความเหนื่อยล้าและหมดพลังจนอยากยอมแพ้ได้ง่าย เพราะจิตใจและร่างกายของคนเราไม่ได้ออกแบบมาให้จัดการกับความเครียดเป็นระยะเวลานาน การทำสมาธิจึงเป็นวิธีช่วยปกป้องผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพจากความเครียดเรื้อรังได้ เพราะช่วยลดระดับคอร์ติซอล ลดความวิตกกังวล ปรับสภาพจิตใจและร่างกายให้กลับสู่ภาวะที่สมดุลเมื่อมีการฝึกสติอย่างต่อเนื่อง

 

3. เป็นผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การสื่อสารที่ชัดเจนและการตัดสินใจที่ดีภายใต้ความกดดันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพต้องมี แต่เมื่อคนเราตกอยู่ภายใต้ความเครียด ทักษะการสื่อสารและการตัดสินใจจะลดประสิทธิภาพลงอย่างมาก ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย แต่การฝึกสติอยู่เสมอจะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองในระดับสูง เช่น ช่วยให้สงบสติอารมณ์ได้ในขณะที่กำลังโกรธ เพิ่มความสามารถในการสื่อสารและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนวทางสู่การเป็นผู้นำสตาร์ทอัพที่มี Mindfulness

เมื่อความเครียดและปัญหาต่างๆ เป็นสิ่งที่ผู้นำสตาร์ทอัพต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถรับมือได้ด้วย Mindfulness หรือการมีสตินั่นเอง

ต่อไปนี้คือแนวทางเบื้องต้นที่จะช่วยเสริมสร้างทักษะ Mindfulness เพื่อให้ผู้นำทุกคนสามารถจัดการกับความเครียดและขับเคลื่อนธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ฝึกสมาธิ

หากคุณต้องการเป็นผู้นำที่มี Mindfulness การฝึกสมาธิเป็นวิธีที่ทรงพลังในการสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจไม่ให้ถูกครอบงำจากสิ่งเร้ารอบตัวมากเกินไป เพียงแค่ให้เวลาตัวเองวันละ 10-15 นาทีเพื่อนั่งสมาธิ ผู้นำที่สามารถนั่งสมาธิได้ทุกวันจะใจเย็นขึ้น และมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดในชีวิตประจำวันน้อยลง

 

ทบทวนจุดมุ่งหมายที่แท้จริง

ผู้นำที่มี Mindfulness จะมีมุมมองที่มุ่งเน้นไปยังจุดมุ่งหมายหลักของธุรกิจ ซึ่งสามารถค้นหาได้ด้วยการใช้เวลาทบทวนเหตุผลทั้งหมดของการเริ่มต้นก่อตั้งสตาร์ทอัพ เมื่อคุณรู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงจะสามารถจดจ่อกับการทำภารกิจที่สำคัญให้สำเร็จไปทีละขั้นตอน ไม่วอกแวกไปกับสิ่งรบกวนอื่นๆ จึงมีพลังสติมากพอที่จะจัดการกับอุปสรรคและปัญหาที่เข้ามาได้อย่างไม่เคร่งเครียด

 

ขอบคุณให้เป็น

การขอบคุณเป็นอีกวิธีที่จะช่วยพัฒนาสติและสุขภาพจิตของผู้นำให้แข็งแรง วิธีฝึกหัดในชีวิตประจำวันแบบง่ายๆ คือ การจดบันทึกเหตุการณ์หรือสิ่งที่คุณรู้สึกอยากขอบคุณในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกดีกับชีวิต มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และมีทัศนคติเชิงบวกจนเกิดความตระหนักว่าปัญหาในการทำธุรกิจหลายๆ อย่างไม่ได้เลวร้ายจนแก้ไขไม่ได้อย่างที่คิด

 

หาเวลาพักสมองช่วงสั้นๆ

ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพหลายคนลืมที่จะหยุดพักสมองเมื่อตกอยู่ภายใต้ความเครียด หากคุณต้องการเป็นผู้นำที่มี Mindfulness ลองใช้เวลาไม่กี่นาทีต่อวันเพื่อตั้งสติด้วยการนั่งเงียบๆ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องตั้งใจทำสมาธิอย่างเต็มที่ก็ได้ แค่หายใจและปลดปล่อยความเครียดที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ เพียงเท่านี้ก็ช่วยดึงสติให้กลับคืนมาได้แล้ว

 

สร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

ความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานมีความสำคัญมากสำหรับผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ เพราะสามารถช่วยตั้งสติและเตือนสติให้คุณตระหนักถึงความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิต

ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน ต้องไม่ลืมดูแลตัวเอง แบ่งเวลาให้กับความสนใจและงานอดิเรกอื่นๆ บ้าง รวมทั้งการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ช่วยสนับสนุนให้คุณมาไกลได้ขนาดนี้ เพราะความสำเร็จของคุณไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงานหนักเท่านั้น แต่ยังมีเบื้องหลังที่ประกอบด้วยผู้คน ประสบการณ์ และช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านี้เช่นกัน

 

Summary

Mindfulness หรือสติไม่ใช่พลังวิเศษที่ช่วยให้ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพหลีกเลี่ยงการเผชิญกับปัญหา ความผิดหวัง และความล้มเหลว แต่สามารถช่วยให้ฟื้นตัวจากความล้มเหลวและเอาชนะความยากลำบากได้ในที่สุด เพราะการมีสติจะช่วยให้ผู้นำค้นพบมุมมองใหม่จากความคิดสร้างสรรค์ สามารถจัดการกับความเครียด และเสริมสร้างทักษะการเป็นผู้นำที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางการสร้าง Mindfulness สำหรับผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการฝึกฝนโดยตรงด้วยการนั่งสมาธิ หรือจะเป็นการฝึกทางอ้อม เช่น การนั่งคิดทบทวนถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการทำธุรกิจของคุณเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายโดยไม่วอกแวกกับสิ่งรบกวนรอบข้าง การฝึกขอบคุณเรื่องราวดีๆ ในชีวิตเพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวก การหาเวลาพักสมองช่วงสั้นๆ เพื่อตั้งสติและจัดการความเครียดในระหว่างวัน หรือแม้แต่การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานให้เหมาะสม

สุดท้ายนี้ สติไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน แต่ต้องอาศัยความพยายามและวินัยในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ถ้าพร้อมจะเป็นผู้นำที่มี Mindfulness แล้ว มาตั้งสติก่อนสตาร์ทอัพกันเถอะ!

อ้างอิง:

SHARE