ในยุคสมัยที่เรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ (Fourth Industrial Revolution) ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์อัตโนมัติ หรือนาโนเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล โดยเฉพาะกับการทำงานซึ่งเทคโนโลยีสามารถทำหน้าที่ได้ดีเทียบเท่าหรือดียิ่งไปกว่ามนุษย์ มนุษย์จึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะของตนเองไปสู่ทักษะแห่งอนาคต ซึ่งเป็นทักษะที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่นและเทคโนโลยียังไม่สามารถแทนที่ได้ โดยทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรมีติดตัวนั้นประกอบไปด้วย
ทักษะที่หนึ่ง: ความคิดสร้างสรรค์
ทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรมีเป็นสิ่งแรกคือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการคิดค้นประดิษฐ์หรือพลิกแพลงนวัตกรรมและวิธีการใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไปจากที่มีอยู่เดิม
เหตุที่ความคิดสร้างสรรค์กลายเป็นสิ่งจำเป็น เพราะปัญหา อุปสรรคหรือความท้าทายที่คุณอาจจะต้องเจอในอนาคตมีแนวโน้มที่จะแตกต่างจากสิ่งที่เป็นมาในอดีตอย่างโดยสิ้นเชิง และเครื่องมือหรือวิธีการที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาให้กับคุณได้ ความคิดสร้างสรรค์จะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ ที่จะช่วยทำให้คุณประสบความสำเร็จในอนาคต
ทักษะที่สอง: ความฉลาดทางอารมณ์
ทักษะแห่งอนาคตอย่างที่สองที่มีความสำคัญคือความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ซึ่งหมายถึงความสามารถในการควบคุมและบริหารจัดการอารมณ์ของตนเอง รวมไปถึงความสามารถในการคาดเดาและเข้าใจอารมณ์ของผู้คนรอบข้าง
แม้ว่าในปัจจุบันที่เครื่องจักรกลและคอมพิวเตอร์จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์มากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณยังคงต้องทำงานและติดต่อกับเพื่อนร่วมงานของคุณอยู่ และความฉลาดทางอารมณ์จะช่วยทำให้คุณเข้าใจและเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ซึ่งความเข้าใจที่เกิดขึ้นจะส่งเสริมให้คุณทำงานกับผู้อื่นได้ดีและเสริมสร้างกระบวนการทำงานเป็นทีมให้กับตัวคุณ
ทักษะที่สาม: การคิดวิเคราะห์
ทักษะแห่งอนาคตหมายเลขสามคือทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งหมายถึงการใช้ตรรกะและเหตุผลในการวิเคราะห์สมมติฐานต่างๆ โดยใช้ข้อมูลที่คุณมีอยู่เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคของ Big Data ซึ่งมนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างเป็นจำนวนมาก ทักษะการคิดวิเคราะห์จะทำให้คุณเข้าใจข้อมูล มองเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลและมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาจากข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทักษะการคิดวิเคราะห์จะช่วยให้คุณคิดอย่างมีเหตุผลและเปิดกว้างต่อวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ทักษะที่สี่: ความกระหายที่จะเรียนรู้
ทักษะแห่งอนาคตทักษะที่สี่ที่คุณควรมีคือความกระหายที่จะเรียนรู้ (Active Learning) ซึ่งมาควบคู่กับความคิดที่ต้องการจะเติบโต (Growth Mindset) ซึ่งจะกระตุ้นให้คุณมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
จากรายงาน The Future of Jobs โดย World Economic Forum ได้คาดการณ์ว่าภายในปีคริสต์ศักราช 2022 ทักษะการทำงานที่เป็นที่ต้องการจะเปลี่ยนไปจากเดิมถึง 42% ทำให้การทำงานในอนาคตล้วนต้องการทักษะใหม่ๆ ในขณะเดียวกันทักษะที่คุณมีอยู่แล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงและอัพเดตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นความกระหายที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆจะช่วยเพิ่มพูนทักษะของคุณและทำให้คุณก้าวหน้าในการทำงานมากยิ่งขึ้น
ทักษะที่ห้า: การตัดสินใจ
ทักษะแห่งอนาคตทักษะที่ห้าคือทักษะในการตัดสินใจ ที่แม้ว่าเครื่องจักรกลในปัจจุบันจะสามารถทำการตัดสินใจได้ด้วยตนเองจากการรับรู้ข้อมูลที่มีอยู่ แต่มนุษย์ยังคงมีความสำคัญในฐานะผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย (Final Decision Maker) เหตุผลที่คุณจำเป็นต้องมีความสามารถในการตัดสินใจ เพราะด้วยความสามารถของมนุษย์ที่สามารถมองถึงความสำคัญในภาพรวม (Broader Implication) และคำนึงถึงประเด็นที่เครื่องจักรไม่สามารถคิดแทนได้เช่นเหตุผลด้านศีลธรรม (Moral Decision) ความสามารถในการตัดสินใจนี้เองที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากเครื่องจักรกล
ทักษะที่หก: การสื่อสารระหว่างบุคคล
ทักษะแห่งอนาคตอย่างที่หกคือ ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล ซึ่งหมายถึง ทักษะในการการสื่อสารให้ชัดเจน ตรงประเด็น และเหมาะสม กับเพื่อนร่วมงานและบุคคลที่มีส่วนร่วมกับงานของคุณ การสื่อสารระหว่างบุคคลถือเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การทำงานระยะไกล (Remote Working) จะกลายเป็นระเบียบวิธีการทำงานหลักแทนที่การทำงานแบบเดิมที่ทุกคนจำเป็นต้องมารวมกัน ซึ่งทำให้การติิดต่อประสานงานกับเพื่อนร่วมงานให้ทุกคนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้งานของคุณเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทักษะที่เจ็ด: ความเป็นผู้นำ
ทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็นประการที่เจ็ดคือทักษะความเป็นผู้นำ ซึ่งความเป็นผู้นำไม่ใช่แค่ทักษะของการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หมายถึงการเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจและทำให้คนในทีมใช้ศักยภาพที่ตนมีได้อย่างเต็มที่มากที่สุด ทักษะความเป็นผู้นำจะทำให้คุณบริหารจัดการงานในขอบเขตความรับผิดชอบของคุณไม่ว่าจะเป็นโปรเจคต่างๆ หรืองานที่คุณต้องทำร่วมกับผู้อื่นให้สามารถรุดหน้าต่อไปได้ รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานของคุณมีส่วนร่วมกับงานและใช้ความสามารถของพวกเขากับงานที่คุณดูแลอยู่ได้มากขึ้น
ทักษะที่แปด: การยอมรับในความหลากหลาย
ทักษะแห่งอนาคตประการที่แปดคือการยอมรับในความหลากหลาย ซึ่งหมายถึงการที่คุณเข้าใจในความแตกต่างและเข้าใจในรากฐานที่มาของความแตกต่างระหว่างคุณและเพื่อนร่วมงานของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร้ความขัดแย้งเพราะผลพวงจากโลกาภิวัฒน์ทำให้พรมแดนเลือนหายไป และคุณอาจต้องทำงานกับคนที่มาจากหลากหลายเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม การยอมรับในความหลากหลายจะทำให้คุณและเพื่อนร่วมงานอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์และคุณสามารถดึงประโยชน์จากความแตกต่างที่มีอยู่มาใช้ในการทำงานให้ได้มากที่สุด
ทักษะที่เก้า: ทักษะทางเทคโนโลยี
ทักษะแห่งอนาคตที่คุณควรมีอย่างที่เก้าคือทักษะทางเทคโนโลยี ซึ่งไม่ใช่แค่ทักษะทางเทคโนโลยีทั่วไป แต่รวมไปถึงทักษะทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ้ก ดาต้า (Big Data) หรือบล็อกเชน (Blockchain) ที่ต่างเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทักษะทางเทคโนโลยีหมายถึงการที่คุณเข้าใจหลักการทำงาน และรู้ถึงวิธีใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับตัวคุณเอง การที่คุณมีทักษะทางเทคโนโลยีนั้นหมายถึงโอกาสที่คุณจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงโอกาสที่จะทำให้คุณสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออาชีพของคุณอีกด้วย
ทักษะที่สิบ: การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง
ทักษะแห่งอนาคตทักษะสุดท้ายที่คุณควรมี และเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่จะนำพาคุณไปสู่การสร้างทักษะอื่นๆ ก็คือการเตรียบพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นทักษะ สถานที่ทำงาน หรือความคาดหวังต่างๆ ที่คุณมีต่ออนาคตของตัวคุณเอง การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจะทำให้คุณปรับตัวไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้และสถานการณ์ที่คุณคาดไม่ถึง นอกจากนี้ การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุปสรรคที่ขัดขวางคุณ แต่เป็นความท้าทายใหม่ๆ ที่คุณสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้ การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เองคือการรู้ทันสถานการณ์ของขีวิตคุณอยู่ตลอดเวลาและวางแผนชีวิตของคุณให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หรือหากเป็นไปได้ วิธีการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการชิงเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงจะมาถึง
สรุป
ทักษะแห่งอนาคตคือทักษะพื้นฐานที่จะทำให้คุณมีความโดดเด่นเหนือกว่าคนอื่นๆ และทำให้คุณเป็นผู้ที่มีทักษะพิเศษรอบด้านซึ่งไม่สามารถแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใดๆ ได้ นอกจากนี้ การที่คุณมีทักษะแห่งอนาคตยังทำให้คุณมีความพร้อมที่จะรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น และทักษะแห่งอนาคตยังเป็นบันไดให้คุณสามารถพัฒนาไปสู่ทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตได้อย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด